ไม้พื้นยังเป็นหนึ่งตัวเลือกที่อยู่ในใจของใครหลายๆ คน ที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์เพื่อปูพื้นบ้านของคุณ นอกจากคุณภาพ ลวดลาย และเกรดของไม้แล้ว เรื่องสีของพื้นก็สำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะสีของพื้นมีอิทธิพลต่อมูดและโทนของห้อง สามารถเปลี่ยนอารมณ์ของห้องได้มากเลยทีเดียว

การเลือกวัสดุให้เหมาะกับห้องแต่ละห้อง

เราจะเลือกวัสดุอย่างไรให้เหมาะสมกับบ้านของเรา หากเป็นห้องที่มีความชื้นสูง ควรเลือกเป็นกระเบื้องที่ทนต่อความชื้นมากกว่าการใช้ไม้สังเคราะห์หรือไม้จริง และห้องอื่น ๆ ที่เป็นห้องที่แห้ง สามารถเลือกวัสดุได้หลากหลาย ทั้งหินขัด ไม้จริง ไม้เอ็นจิเนียร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อีกมากมายที่มีให้เลือกในท้องตลาด

ไม้พื้นยังคงเป็นที่นิยมมาก ซึ่งมีอยู่หลายแบบ ทั้งไม้จริง ไม้เอ็นจิเนียร์ ไม้ลามิเนต รวมถึงกระเบื้องยางที่ทำลายไม้ตามความต้องการ

สีของไม้ส่งผลต่อ mood and tone

  1. Light Color

การเลือกสีสว่างให้แก่ห้องขนาดเล็ก เพื่อสร้างให้มีพื้นที่มากขึ้น ดูกว้างขึ้น และห้องดูโล่ง เช่น สีเบจ สีไอโวรี่ (Ivory) หรือสีโอ๊คธรรมชาติ (Natural Oak)

Maple Color จัดเป็นสีที่สว่างที่สุดแห่งสีของไม้ ไม้ที่มีสีในกลุ่ม Maple Tone มักจะได้ความสมู้ท นุ่มนวล และอบอุ่น ซึ่งสีที่จัดอยู่ในโทนสว่างนี้ ได้แก่ สี White Oak, Ivory, Eskimo, Harlech White, Callington Oak, Red Cedar, Cedar และ Sahara Beige

EB03 White Oak (B-Light Brown)

  1. Dark Color

การเลือกไม้สีเข้ม จะทำให้ห้องดูแคบลง แต่ให้ความรู้สึกอบอุ่น เย็น และความซับซ้อน และมีความโมเดิร์นทันสมัย ห้องที่เหมาะกับพื้นสีเข้มมักจะเป็นห้องนอน สีที่อยู่ในเฉดนี้อาจจะเป็นสีเทา สีเทาเข้ม น้ำตาลเข้ม หรือสีวอลนัท เป็นต้น

E12 White Oak (SB-012)

Pattern Wood

แพทเทิร์นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อ Feeling ของห้อง

  1. Brickwork Pattern

การปูพื้นด้วยลายก่ออิฐ เป็นลายพื้นฐานที่นิยมกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณ จะให้ความรู้สึกซื่อตรง มีระเบียบ เรียบง่าย เหมาะกับการปูห้องทุกห้อง และสีไม้ทุกสี เหมาะกับงานดีไซน์ทุกแบบ

  1. Random Pattern

การปูพื้นแบบความยาวคละไซซ์ จะทำให้สีของพื้นดูสวยงาม เมื่อปูแล้ว มีความสม่ำเสมอของสีพื้นน้อยกว่าแบบก่ออิฐ แต่จะทำให้ดูสวยไม่น่าเบื่อ ดูเป็นธรรมชาติมากที่สุด เมื่อเทียบกับทุกลาย

  1. Herringbone Pattern

การปูพื้นแบบก้างปลา เป็นลายที่ใช้ปูพื้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ ลายที่ซิกแซกไขว้กันไปมาของไม้ ทำให้พื้นมีการดีไซน์ที่ดูต่อเนื่องกัน อีกทั้งยังส่งผลให้พื้นมีมิติของสี และดูทันสมัยมากขึ้น

  1. Chevron หรือ French Herringbone Pattern

เป็นอีกแพทเทิร์นที่เริ่มนิยมกันมาก เป็นลายที่หัวไม้ทั้งสองข้างตัดเฉียงเป็นมุม 45 องศา และต่อหัวไม้กันให้ทำมุมเป็นมุมฉาก การปูไม้ลายนี้จะได้พื้นหัวลูกศรที่สมบูรณ์แบบ การเลือกแพทเทิร์นนี้นอกจากจะทำให้ห้องเล็ก ๆ ดูกว้างขึ้นแล้ว ยังทำให้ห้องดูมีชีวิตชีวา มองเหมือนพื้นมีการเคลื่อนไหวอีกด้วย

ตอนนี้ทาง K.S. WOOD กำลังจัดทำโปรโมชั่นสำหรับผู้สนใจไม้เอ็นจิเนียร์ หน้ากว้าง 8 นิ้ว “สัมผัสที่กว้างในราคาที่เข้าถึงได้”