ไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียม
ไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียมคืออะไร?
ไม้พื้นสังเคราะห์ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในด้านความสวยงามและความคุ้มค่าในระยะยาว ด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้วัสดุประเภทนี้มีคุณภาพสูงขึ้น สามารถทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดี จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เจ้าของบ้าน นักออกแบบ และผู้รับเหมาต่างเลือกใช้ไม้พื้นสังเคราะห์ในการตกแต่งพื้นที่มากขึ้น
ความหมายของไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียม
ไม้พื้นสังเคราะห์หรือพื้นไม้เทียม คือ วัสดุที่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ทดแทนไม้จริง โดยมีลักษณะภายนอกคล้ายกับไม้ธรรมชาติแต่มีคุณสมบัติที่เหนือกว่าหลายประการ เช่น ทนต่อความชื้น ปลวก และเชื้อรา รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า
ไม้พื้นสังเคราะห์เริ่มได้รับความนิยมในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา โดยเริ่มจากการใช้วัสดุทดแทนไม้ที่สามารถลดการตัดไม้ทำลายป่า และพัฒนามาเป็นวัสดุที่สามารถใช้งานได้หลากหลายมากขึ้น เช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์และไม้พลาสติกคอมโพสิต (WPC)
วัสดุที่ใช้ในการผลิตไม้พื้นสังเคราะห์
- ไฟเบอร์ซีเมนต์ (Fiber Cement): ทำจากปูนซีเมนต์ เส้นใยสังเคราะห์ และทราย มีความแข็งแรงสูงและทนทานต่อความชื้น
- ไม้พลาสติกคอมโพสิต (Wood Plastic Composite – WPC): ผสมผสานระหว่างผงไม้และพลาสติกเพื่อให้มีความแข็งแรงและทนทานต่อสภาพอากาศ
- วัสดุอื่น ๆ: เช่น พีวีซี (PVC) หรือโพลีเมอร์ชนิดต่าง ๆ ที่เพิ่มคุณสมบัติพิเศษให้กับไม้พื้นสังเคราะห์
ประโยชน์ของไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียม
- ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ ไม้พื้นสังเคราะห์ถูกออกแบบมาให้ทนต่อสภาพอากาศที่หลากหลาย ทั้งแดด ฝน และความชื้นสูง ไม่บวมหรือโก่งตัวง่ายเหมือนไม้จริง จึงสามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร
- กันน้ำและความชื้น 100% พื้นไม้เทียมบางประเภท เช่น SPC และ WPC สามารถกันน้ำได้ 100% จึงเหมาะสำหรับติดตั้งในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือพื้นที่กลางแจ้ง ช่วยลดปัญหาการผุพังและเชื้อรา
- ป้องกันปลวกและแมลง หนึ่งในปัญหาใหญ่ของไม้จริงคือการถูกปลวกและแมลงกัดกิน แต่ไม้พื้นสังเคราะห์ไม่มีส่วนประกอบของเนื้อไม้จริง จึงไม่มีปัญหาเรื่องปลวกและแมลงรบกวน ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการกำจัดปลวกในอนาคต
- ดูแลรักษาง่าย ไม้พื้นสังเคราะห์ไม่ต้องขัดหรือลงน้ำยารักษาเนื้อไม้เหมือนไม้จริง สามารถทำความสะอาดได้ง่ายด้วยน้ำเปล่าหรือผ้าชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ ช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา
- ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ไม้พื้นสังเคราะห์รุ่นใหม่มีระบบติดตั้งแบบ คลิกล็อก (Click Lock) และ คลิปล็อก (Clip Lock) ทำให้สามารถติดตั้งได้รวดเร็ว ไม่ต้องใช้กาวหรือตะปูเหมือนไม้จริง
- มีดีไซน์และสีสันหลากหลาย ไม้พื้นสังเคราะห์มีให้เลือกหลายสี หลายลวดลาย ตั้งแต่ลายไม้ธรรมชาติไปจนถึงสีสมัยใหม่ เช่น โทนเทา ขาว หรือดำ สามารถนำไปตกแต่งให้เข้ากับทุกสไตล์บ้านได้ง่าย
- ปลอดภัยต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ไม้พื้นสังเคราะห์ที่มีคุณภาพดีมักผลิตจากวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ปราศจากสารเคมีอันตราย อีกทั้งบางรุ่นยังมีพื้นผิวกันลื่น ช่วยลดโอกาสการเกิดอุบัติเหตุ เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กและผู้สูงอายุ
Our Products
Why Choose Us ?
คุณภาพมาตรฐานระดับสากล
ผลิตจากวัสดุคุณภาพสูงและผ่านกระบวนการผลิตที่ทันสมัย เพื่อให้ได้ไม้เทียมที่มีความแข็งแรง ทนทานต่อสภาพอากาศทั้งในร่มและกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นฝน แดด หรือความชื้น ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในทุกพื้นที่
รักษ์สิ่งแวดล้อม
ให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ไม้เทียมของเราไม่เพียงแต่ผลิตจากวัสดุรีไซเคิลเท่านั้น แต่ยังช่วยลดการตัดไม้ทำลายป่า จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับองค์กรที่ต้องการสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนติดตั้งง่ายและประหยัดเวลา
ไม้เทียมของ KSwood ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว ด้วยระบบล็อคที่มีประสิทธิภาพ ลดเวลาในการติดตั้งและค่าแรง ทำให้ลูกค้าประหยัดทั้งเงินและเวลาการรับประกันที่น่าเชื่อถือ
มอบความมั่นใจให้ลูกค้าด้วยการรับประกันสินค้าในระยะยาว แสดงถึงความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และช่วยให้ลูกค้ามั่นใจในการเลือกใช้สินค้าบริการหลังการขายที่ยอดเยี่ยม
ไม่เพียงแต่ใส่ใจในคุณภาพสินค้า แต่ยังใส่ใจในบริการหลังการขาย ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้คำปรึกษาและช่วยแก้ไขปัญหาอย่างรวดเร็วความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำ
บริษัทชั้นนำจากหลากหลายอุตสาหกรรม เช่น ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และตกแต่งภายใน ได้เลือกใช้ไม้เทียมของ KSwood ในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะในโครงการที่ต้องการสร้างความประทับใจให้แก่ลูกค้าและคู่ค้า
Reference
ประเภทของระแนงไม้เทียม
ไม้พื้นสังเคราะห์สำหรับใช้งานภายนอก
คุณสมบัติและลักษณะเฉพาะ
- ทนแดด ทนฝน – ไม้พื้นสังเคราะห์สำหรับภายนอกถูกออกแบบให้ทนต่อสภาพอากาศที่รุนแรง ไม่โก่งตัว บิดงอ หรือแตกร้าวง่ายเมื่อโดนแดดและฝนเป็นเวลานาน
- กันน้ำและความชื้น – วัสดุสามารถกันน้ำได้ดี ไม่ดูดซับความชื้น ช่วยป้องกันปัญหาเชื้อราและการผุพัง
- ป้องกันปลวกและแมลง – ไม่มีส่วนประกอบของไม้จริง จึงไม่เป็นแหล่งอาหารของปลวก มอด หรือแมลงกัดกิน
- พื้นผิวกันลื่น – บางรุ่นมีพื้นผิวที่ช่วยลดการลื่นไถล เหมาะสำหรับพื้นที่เปียกหรือกลางแจ้ง
- ทนต่อแรงกระแทกและรอยขีดข่วน – พื้นไม้เทียมภายนอกมีความแข็งแรงสูง รองรับแรงกระแทกและทนต่อการใช้งานหนัก
การใช้งานที่เหมาะสม
- พื้นระเบียงและชานบ้าน – สามารถใช้ปูพื้นระเบียงหรือชานบ้านเพื่อเพิ่มความสวยงามและความเป็นธรรมชาติ
- พื้นรอบสระว่ายน้ำ – ด้วยคุณสมบัติกันน้ำและกันลื่น จึงเหมาะสำหรับพื้นที่รอบสระว่ายน้ำ
- พื้นสวนและลานกลางแจ้ง – ใช้แทนไม้จริงสำหรับพื้นทางเดินในสวน หรือลานอเนกประสงค์กลางแจ้ง
- พื้นดาดฟ้าและพื้นที่นั่งเล่นกลางแจ้ง – เพิ่มบรรยากาศสวยงามและดูอบอุ่นโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเสื่อมสภาพจากแดดและฝน
ไม้พื้นสังเคราะห์สำหรับใช้งานภายใน
คุณสมบัติและลักษณะเฉพาะ
- กันน้ำและความชื้นในระดับสูง – ไม้พื้นสังเคราะห์สำหรับภายในสามารถกันน้ำและความชื้นได้ดี โดยเฉพาะรุ่น SPC (Stone Plastic Composite) ที่กันน้ำได้ 100%
- ให้สัมผัสคล้ายไม้จริง – มีลวดลายและพื้นผิวที่เลียนแบบไม้ธรรมชาติ ทำให้บ้านดูหรูหราและอบอุ่น
- ลดเสียงและซับแรงกระแทก – ช่วยลดเสียงรบกวนจากการเดิน และมีความยืดหยุ่นช่วยซับแรงกระแทก ทำให้เดินสบายขึ้น
- ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว – ส่วนใหญ่มาพร้อมระบบ คลิกล็อก (Click Lock) ติดตั้งได้โดยไม่ต้องใช้กาว
- ปลอดภัยต่อสุขภาพ – ไม่มีสารระเหยอันตราย (Formaldehyde-Free) เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กและสัตว์เลี้ยง
การใช้งานที่เหมาะสม
- พื้นห้องนั่งเล่นและห้องรับแขก – ให้ความรู้สึกอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เพิ่มบรรยากาศที่น่าอยู่
- พื้นห้องนอน – ให้สัมผัสที่นุ่มสบาย เดินแล้วไม่เย็นเท้าเหมือนกระเบื้อง
- พื้นห้องครัว – หากใช้ไม้พื้นสังเคราะห์ที่กันน้ำได้ดี เช่น SPC Flooring จะช่วยป้องกันปัญหาความชื้นและคราบน้ำมัน
- พื้นสำนักงานและพื้นที่เชิงพาณิชย์ – เพิ่มความสวยงาม ทันสมัย และดูแลรักษาง่าย
การเลือกใช้ไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียมในการตกแต่ง
1. เลือกประเภทของไม้พื้นสังเคราะห์ให้เหมาะสม
ไม้พื้นสังเคราะห์มีหลายประเภท ควรเลือกให้เหมาะกับลักษณะการใช้งาน เช่น
- พื้นไม้เทียมแบบ WPC (Wood Plastic Composite)
- ทำจากไม้บดผสมพลาสติก แข็งแรง ทนต่อปลวกและความชื้น
- เหมาะสำหรับใช้ภายในและภายนอก เช่น พื้นระเบียง ห้องนั่งเล่น หรือทางเดิน
- พื้นไม้เทียมแบบ SPC (Stone Plastic Composite)
- มีส่วนผสมของหินปูน ทำให้มีความแข็งแรงสูงและกันน้ำ 100%
- เหมาะสำหรับติดตั้งภายในบ้าน เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก หรือห้องครัว
- พื้นไม้เทียมแบบ PVC (Polyvinyl Chloride)
- มีความยืดหยุ่นและกันน้ำได้ดี แต่ไม่แข็งแรงเท่า WPC หรือ SPC
- เหมาะสำหรับการใช้งานภายในที่ไม่ต้องการรับน้ำหนักมาก
2. พิจารณาคุณสมบัติของพื้นไม้เทียม
- ความทนทานต่อสภาพอากาศ – หากใช้ภายนอกควรเลือกวัสดุที่ทนแดด ทนฝน และไม่โก่งตัวง่าย
- กันน้ำและความชื้น – หากติดตั้งในพื้นที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น ห้องน้ำ ห้องครัว หรือภายนอกอาคาร ควรเลือกประเภทที่กันน้ำได้ 100%
- ป้องกันปลวกและเชื้อรา – ไม้พื้นสังเคราะห์คุณภาพดีควรมีสารป้องกันปลวก เชื้อรา และไม่ผุกร่อนง่าย
- พื้นผิวกันลื่น – หากต้องติดตั้งในบ้านที่มีเด็กหรือผู้สูงอายุ ควรเลือกพื้นไม้เทียมที่มีผิวสัมผัสกันลื่นเพื่อความปลอดภัย
3. เลือกสีและลวดลายให้เข้ากับการตกแต่งบ้าน
- โทนสีไม้ธรรมชาติ – ให้ความรู้สึกอบอุ่น คล้ายไม้จริง เช่น สีโอ๊ค ไม้สน หรือไม้สัก
- โทนสีเข้ม – เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์นหรือหรูหรา เช่น สีวอลนัท สีดำ หรือเทาเข้ม
- โทนสีอ่อน – ทำให้บ้านดูกว้างและสว่าง เช่น สีขาว เทาอ่อน หรือเบจ
4. เลือกพื้นไม้เทียมที่ติดตั้งง่ายและดูแลรักษาง่าย
- ควรเลือกพื้นไม้เทียมที่มีระบบติดตั้งแบบ คลิกล็อก (Click Lock) หรือ คลิปล็อก (Clip Lock) ซึ่งช่วยให้ติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว
- หากต้องการลดภาระการดูแลรักษา ควรเลือกพื้นไม้เทียมที่สามารถทำความสะอาดด้วยน้ำและผ้าสะอาดได้ง่าย
การติดตั้งไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียม
การติดตั้งไม้พื้นสังเคราะห์หรือพื้นไม้เทียมเป็นขั้นตอนสำคัญที่ส่งผลต่อความสวยงามและอายุการใช้งานของพื้น หากติดตั้งอย่างถูกวิธีจะช่วยให้พื้นมีความแข็งแรง ทนทาน และลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต มาดูขั้นตอนการติดตั้งที่ถูกต้องกัน
การเตรียมพื้นผิวก่อนติดตั้ง
- ตรวจสอบพื้นเดิมให้เรียบเสมอกัน ไม่มีรอยแตกร้าวหรือเศษวัสดุที่อาจทำให้พื้นไม่แนบสนิท
- หากติดตั้งบนพื้นคอนกรีต ควรปล่อยให้พื้นแห้งสนิทก่อน และอาจใช้วัสดุป้องกันความชื้นเพื่อป้องกันปัญหาน้ำซึม
- หากติดตั้งบนโครงสร้างไม้ ควรใช้โครงสร้างที่แข็งแรงและเว้นระยะห่างระหว่างตงให้เหมาะสม
การเลือกอุปกรณ์และวัสดุที่เหมาะสม
- ใช้โครงไม้หรือโครงอลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงและทนต่อสภาพอากาศ
- เลือกใช้สกรูหรือคลิปล็อกที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับไม้พื้นสังเคราะห์ เพื่อลดปัญหาการโก่งตัวของพื้น
- กำหนดทิศทางการติดตั้งให้เหมาะสมกับพื้นที่และการไหลของน้ำ เพื่อป้องกันน้ำขัง
ขั้นตอนการติดตั้งพื้นไม้สังเคราะห์
- ติดตั้งโครงตงโดยเว้นระยะห่างตามที่ผู้ผลิตแนะนำ (โดยทั่วไปอยู่ที่ 30-40 ซม.)
- วางแผ่นพื้นไม้เทียมบนโครงตงและยึดด้วยคลิปล็อกหรือสกรูให้แน่น
- เว้นร่องเล็ก ๆ ระหว่างแผ่นพื้นประมาณ 3-5 มม. เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับการขยายตัวและหดตัวของวัสดุเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง
- ตรวจสอบระดับความเรียบของพื้นและปรับแต่งให้แนบสนิท
การเก็บรายละเอียดหลังติดตั้ง
- ตรวจสอบความแน่นของสกรูหรือคลิปล็อก เพื่อให้แน่ใจว่าพื้นยึดติดแน่นและไม่เกิดช่องว่าง
- ติดตั้งขอบบัวหรือบัวกันน้ำบริเวณขอบพื้นเพื่อป้องกันน้ำซึมเข้าใต้พื้น
- ทำความสะอาดพื้นไม้เทียมหลังการติดตั้ง เพื่อกำจัดฝุ่นหรือคราบสกปรกที่เกิดขึ้นระหว่างการทำงาน
การดูแลรักษาไม้พื้นสังเคราะห์/พื้นไม้เทียมให้คงทนและสวยงาม
ไม้พื้นสังเคราะห์หรือพื้นไม้เทียม มีความทนทานต่อสภาพอากาศและการใช้งานในระยะยาว อย่างไรก็ตาม เพื่อให้พื้นไม้เทียมมีอายุการใช้งานยาวนานและคงความสวยงาม ควรดูแลรักษาอย่างถูกต้องตามแนวทางต่อไปนี้
1. การทำความสะอาดประจำวัน
- ใช้ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดฝุ่นและสิ่งสกปรก
- ใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดหรือน้ำสบู่อ่อน ๆ เช็ดทำความสะอาดพื้น
- หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาที่มีฤทธิ์กัดกร่อนหรือแปรงที่มีขนแข็ง เพราะอาจทำให้พื้นเสียหายได้
2. การป้องกันความเสียหาย
- หลีกเลี่ยงการขีดข่วนจากเฟอร์นิเจอร์โดยใช้แผ่นรองขาโต๊ะหรือเก้าอี้
- ไม่ควรลากของหนักบนพื้นไม้เทียมโดยตรง ควรใช้พรมหรือแผ่นรองเพื่อป้องกันรอยขีดข่วน
- หากมีน้ำหกควรเช็ดให้แห้งทันทีเพื่อป้องกันคราบสะสม
3. การซ่อมแซมและบำรุงรักษา
- ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเฉพาะทาง เช่น น้ำยาทำความสะอาดพื้นไม้สังเคราะห์ที่ไม่มีสารกัดกร่อน
- หากมีรอยขีดข่วนเล็ก ๆ สามารถใช้แผ่นขัดหรือกระดาษทรายเบอร์ละเอียดขัดเบา ๆ แล้วเช็ดทำความสะอาด
- กรณีพื้นเกิดความเสียหายรุนแรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อซ่อมแซมหรือเปลี่ยนบางส่วน
คำถามที่พบบ่อย
โดยทั่วไปมีอายุการใช้งาน 10-25 ปี
ได้ แต่ควรเลือกวัสดุที่เหมาะสม เช่น WPC
ไม่ยาก แต่ต้องมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม
ขึ้นอยู่กับวัสดุและการดูแลรักษา
เพียงทำความสะอาดและหลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง