ความเปียกแฉะในช่วงฤดูฝน นำมาซึ่งความอับชื้นและเกิดราได้ง่าย  หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่จัดการ ก็จะทำให้บ้านเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ ซึ่งสปอร์ของราก็อาจทำให้คนในบ้านเจ็บป่วยจากโรคผิวหนังและโรคทางเดินหายใจ ดังนั้น ใครที่กำลังประสบปัญหานี้อยู่ เรามีเทคนิคดีๆ ในการกำจัดราและกลิ่นอับชื้นภายในบ้านมาฝากกัน ดังนี้ค่ะ

เปิดหน้าต่างให้หมด

หลายคนไม่ชอบเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ เพื่อป้องกันแมลง ฝุ่น หรือเขม่าควันจากภายนอก เป็นเหตุให้อากาศภายในบ้านไม่ถ่ายเทเท่าที่ควร  ทำให้บ้านมีกลิ่นอับชื้นและเกิดราได้ง่าย เมื่อไหร่ก็ตามที่ฝนหยุดตกและแดดออก ให้รีบเปิดหน้าต่างและประตูทุกบานทันที  เพื่อให้อากาศถ่ายเท ลดกลิ่นอับชื้น และลดการเจริญเติบโตของราลงได้

อย่าให้ของในบ้านชื้น

บางคนเผลอเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ในวันที่ฝนตกหนักและลมกระโชกแรง จึงทำให้ฝนสาดเข้ามาในบ้าน ทำให้เครื่องเรือนบางชนิดเปียกฝน เช่น โซฟา เฟอร์นิเจอร์ไม้ เครื่องนอน ผลที่ตามมาก็คือกลิ่นอับที่ตลบอบอวลไปทั่วห้อง และยังมีโอกาสที่ราจะขึ้นอีกด้วย เพราะฉะนั้น หลังฝนตกทุกครั้ง ควรสำรวจว่ามีสิ่งใดในบ้านที่เปียกฝนหรือไม่ ถ้ามีให้รีบทำความสะอาดแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท

ทำความสะอาดบ้านอยู่เสมอ

ถึงแม้จะกำจัดกลิ่นอับชื้นออกไปได้หมดแล้ว แต่อย่าชะล่าใจเป็นอันขาด เพราะอาจมีราที่ยังหลงเหลืออยู่ภายในบ้าน หมักหมมจนกลายเป็นสาเหตุของการเกิดเชื้อโรค ดังนั้น ให้หมั่นทำความสะอาดบริเวณต่างๆ ของบ้านด้วยน้ำยาทำความสะอาดหรือน้ำยาฆ่าเชื้อ โดยเฉพาะบริเวณมุมอับ และหากเป็นไปได้ ควรเก็บขยะภายในบ้านทิ้งให้หมด โดยเฉพาะลังกระดาษ หนังสือ หรืออุปกรณ์ที่ทำจากไม้เก่าๆ ที่มักจะเป็นจุดสะสมรา

ใช้เครื่องฟอกอากาศ

เครื่องฟอกอากาศหลายรุ่นในปัจจุบัน มีฟังก์ชันกำจัดเชื้อราและกลิ่นอับ จึงสามารถนำมาใช้ร่วมกับ 3 วิธีข้างต้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศยังช่วยทำให้อากาศภายในบ้านมีการถ่ายเทได้ดีขึ้น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ต่างๆ และโรคทางเดินหายใจพื้นฐานอีกด้วย เพียงเท่านี้ก็หมดปัญหาเรื่องของรา เชื้อราในอากาศ และกลิ่นอับชื้นที่เกิดในบ้านช่วงหน้าฝนแล้วค่ะ