ไม้ลามิเนต ก็เป็นไม้อีกประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นมาพร้อมกับความต้องการดีไซน์แบบไม้จริง แต่ด้วยข้อจำกัดหลายๆ อย่างของไม้จริง ที่ทำให้ไม้ทดแทนขึ้นมามีบทบาทมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะด้วยราคา ดีไซน์ คุณสมบัติ หรืออะไรก็ตามแต่ ในปัจจุบันไม้ลามิเนตค่อนข้างเป็นที่นิยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ‘เหตุผลในเรื่องของราคา’
วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับไม้พื้นลามิเนต เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องกันค่ะ
ไม้ลามิเนต เป็นไม้ที่เกิดขึ้นมาจากการผลิตผ่านกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ภายนอกดูเป็นไม้ แต่แท้จริงแล้วมีไม้แค่บางส่วนเท่านั้น ไม้ลามิเนต 1 แผ่น จะประกอบไปด้วย 3-4 ชั้น แล้วนำมาผ่านการอัดโดยการใช้แรงดัน และความร้อนสูง
ชั้นดังกล่าวประกอบไปด้วย
1. ชั้นบน
ชั้นนี้มีความทนทานสูง เนื่องจากเป็นการป้องกันรอยที่อาจเกิดขึ้นบนพื้นไม้ เป็นชั้นที่จะทำให้เราเห็นถึงลายไม้ แต่จะไม่ใช่ลายไม้จริงๆ เป็นเพียงการใช้ภาพถ่ายลายไม้ หรือออกแบบผ่านโปรแกรม แล้วจึงนำไปเคลือบด้วยเมลามีน ลามิเนต เพื่อคุณสมบัติการทนทานต่อรอยต่างๆ
2. ชั้นกลาง
ส่วนนี้เป็นส่วนที่หนาที่สุด เกิดขึ้นจากการนำไม้ เศษไม้ มาบดให้ละเอียด จนได้เส้นใย จากนั้นจึงผสมเรซิน แล้วอัดด้วยความร้อน ได้คุณสมบัติที่ทนทานต่อแรงกด และทำความสะอาดง่าย บางครั้งหลายๆ แบรนด์ก็เลือกที่จะใช้สารป้องกันความชื้นลงไปเพื่อป้องกันเชื้อรา
3. ชั้นล่างสุด
ชั้นนี้ป้องกันความชื้นให้กับชั้นอื่นๆ บางแบรนด์เคลือบชั้นนี้ด้วยเมลามีน เพื่อป้องกันความชื้น และเพิ่มความแข็งแรง
คำเตือนสำหรับผู้ใช้ไม้ลามิเนต
- การเดินบนพื้นไม้ลามิเนตโดยไม่ถอดรองเท้าที่มีปุ่มใต้ส้น และใช้น้ำราดไม้พื้นลามิเนต จะทำให้ไม้ลามิเนตกลายเป็นคลื่น เป็นลอน
- ห้ามปูไม้ลามิเนตในบริเวณที่มีความชื้นสูง
- ห้ามใช้น้ำยาขัดเงา หรือผสมสบู่
- ไม้ลามิเนตค่อนข้างบาง จึงต้องติดตั้งบนโฟมเพื่อเพิ่มความหนา ทำให้เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าพื้นไม่แน่น
ทั้งนี้ ไม้ทดแทน หลากหลายประเภทให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นไม้ปาเก้ ไม้ลามิเนต ไม้สังเคราะห์ หรือไม้เอ็นจิเนียร์ แต่ละไม้ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป เช่น หากต้องการปูพื้นที่ภายนอก ไม้สังเคราะห์ของทาง K.S WOOD ก็จะตอบโจทย์ในเรื่องคุณสมบัติที่ทนต่อแสงแดด รังสียูวี ทนร้อน ทนชื้น และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ดีนั่นเอง